คำว่า Abstraction มีใช้อยู่ในหลายวงการเลย แต่ในวงการซอฟต์แวร์ใน Wikipedia ถูกเขียนไว้ว่า
Abstraction, in general, is a fundamental concept to computer science and software development[4]. The process of abstraction can also be referred to as modeling and is closely related to the concepts of theory and design[5]. Models can also be considered types of abstractions per their generalization of aspects of reality. (Wikipedia)
ซึ่งถ้าถอดความหมาย เราก็จะได้หัวใจสำคัญของมันออกมาว่า
Abstraction เป็นการสร้าง Model ให้สอดคล้องกับโลกของความเป็นจริง
ในการทำ abstraction นั้นมันมีของอยู่ 3 อย่างให้เราต้องคิดในการสร้าง Model ซึ่งพูดไปก็จะ งง อีก ดังนั้นไปรู้จักมันพร้อมกับตัวอย่างกันเลยละกัน
ขอยกตัวอย่าง โปรแกรมส่งจดหมาย ละกัน ซึ่งถ้าเราจะเขียนโค้ดออกมาเราจะต้องมองว่า มันจะต้องมีองค์ประกอบอะไรบ้าง? ถึงจะทำให้เราส่งจดหมายได้ โดยเราก็จะมองกลับมาที่โลกจริงๆของเราว่าจดหมายมันต้องประกอบด้วย
- ซองจดหมาย (Envelope)
- ตัวจดหมาย (Letter)
- คนส่งจดหมาย (Mailman)
ซึ่งเราก็จะเอาองค์ประกอบเหล่านี้แปลงมาเป็น Class ที่โปรแกรมเมอร์เข้าใจ ดังนั้นเราก็จะได้ class ออกมา 3 ตัว
public class Envelope { }
public class Letter { }
public class Mailman { }
ในแต่ละองค์ประกอบเราจะต้องคิดต่อว่า มันต้องมีอะไรอยู่ในนั้นบ้าง (property) และมันทำอะไรได้บ้าง (behavior) อีกด้วย ดังนั้นเราก็จะกลับมามองต่อว่า
- ซองจดหมาย - มันจะต้องมีการระบุว่า ผู้ส่งเป็นใคร ผู้รับเป็นใคร และส่งไปที่ไหน (properties)
- ตัวจดหมาย - มันควรจะต้องมี หัวเรื่อง กับ เนื้อหา (properties)
- คนส่งจดหมาย - เขาควรที่จะ รวบรวมซองจดหมายเพื่อเตรียมไปส่ง (behavior)
ดังนั้นเราก็จะเอามาเติมใส่ใน class ของเราต่อ ก็จะออกมาเป็น
public class Envelope
{
public string Sender;
public string Receiver;
public string Destination;
}
public class Letter
{
public string Title;
public string Content;
}
public class Mailman
{
public void CollectAnEnvelope(Envelope env)
{
// ...
}
}
สุดท้ายเราก็จะมองกลับมาว่า ของพวกนั้นมันจะทำงานร่วมกันยังไง นั่นเอง โดยโลกของความเป็นจริง เราก็จะเอา ตัวจดหมาย ใส่ ซองจดหมายนั่นเอง เลยทำให้เราได้โค้ดตามด้านล่าง
public class Envelope
{
public string Sender;
public string Receiver;
public string Destination;
public void Enclose(Letter letter)
{
// ...
}
}
จากที่ว่ามาทั้งหมดนี่แหละคือเรื่องการทำ Abstraction ดังนั้นผมสามารถพูดในอีกแง่นึงว่า หลักในการทำ abstraction มันคือการ นำของใน physical แปลงมาอยู่ในรูปแบบของ class เพื่อให้เหล่าโปรแกรมเมอร์สามารถเข้าใจการทำงานได้ง่ายขึ้น และ ของแต่ละอย่างก็จะถูกแบ่งสัดส่วนที่ชัดเจน
สุดท้ายในโลกของ OOP เราก็จะเอา class เหล่านั้นไปสร้างเป็น object เพื่อใช้งานต่อ เลยทำให้เขานิยมเรียกเจ้าคลาสที่สร้างออกมาว่า พิมพ์เขียว (Blueprint) นั่นเอง
สุดท้ายของทุกอย่างนั้นย่อมมีหลายมุมมอง ดังนั้นเวลาที่เราออกแบบ เราก็ต้องออกแบบให้ตรงกับมุมมองของเจ้าสิ่งที่เรากำลังดูแลด้วย เช่น แม้กระทั่งเรื่องจดหมายเจ้าเดิมนี่แหละ ในโค้ดตัวอย่างด้านบนทั้งหมดมันเป็นมุมมองของ คนเขียน คนอ่าน และ คนส่งจดหมาย แต่ถ้าเรามองไปที่มุมของ โรงงานผลิตจดหมาย เราจะพบว่า มุมมองที่เขาสนใจจะไม่เหมือนกับที่ว่ามานี้เลย ดังนั้นเราก็ต้องดูด้วยว่า Context ที่เราอยู่มันอยู่ในมุมไหน เราถึงจะออกแบบมาได้ถูกต้อง
ตัวอย่าง จดหมายในมุมของโรงงานผลิต เขาก็มีคล้ายๆกับที่เคยเขียน เช่น ซองจดหมาย
public class Envelope { }
แต่ในมุมมองของโรงงานผลิต เขาอาจจะมองว่า มันทำมาจากวัสดุอะไร ขนาดเท่าไหร่ ลวดลายเป็นแบบไหน ก็ได้
public class Envelope
{
public string Size;
public string PaperMaterial;
public string Pattern;
}
จากที่ว่ามาก็จะเห็นแล้วว่า แม้จะเป็น ซองจดหมายเหมือนกัน แต่เมื่ออยู่ต่าง Context แล้วล่ะก็ มันอาจจะเป็นคนละเรื่องกันเลยก็ได้
{% hint style="danger" %}
คำเตือน
Abstraction ในที่นี้ ไม่ใช่ abstract keyword ที่ใช้ในการสร้าง abstract class นะขอรับ ซึ่งเรื่องนี้เข้าใจกันผิดได้บ่อยๆเพราะมันเป็นคำเดียวกัน แต่จำง่ายๆว่า abstraction ของ OOP คือ
การนำของที่เป็น Physical แปลงมาเป็น Conceptual หรือที่เราเรียกว่า Modeling นั่นเองครัช {% endhint %}
{% hint style="warning" %}
หมายเหตุ
ในการที่เราจะสร้าง Model ได้นั้น เราจะต้องใช้วิธีการคิดแบบ Abstraction เพื่อได้ให้สิ่งต่างๆที่สามารถทำงานได้ และมีความสัมพันธ์กันออกมา แต่ Model ที่ได้ออกมา มันจะยังไม่ใช่ของที่ดี ถ้าขาดการนำหลักการของ Encapsulation มาใช้งาน
{% endhint %}
{% hint style="success" %}
แนะนำให้อ่าน
ในเรื่องของการออกแบบโดยดูจาก Context สามารถไปศึกษาต่อได้ในเรื่องของ Domain Driven Design หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า DDD นั่นเองครัช
{% endhint %}